จุดชุมวิวดอยสะโง้
{ห่างจาก สตาร์ดอยคอฟฟี่&โฮมสเตย์ 1 กม.}
ดอยสะโง้ ตั้งอยู่ในอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย อยู่ในความดูแลของศูนย์พัฒนาโครงการหลวงสะโง๊ะ เป็นจุดชมวิวทิวทัศน์มีพื้นที่ กว้างและตั้งอยู่บนจุด สูงสุดของหมู่บ้าน บนจุดชมวิวสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของดินแดนสามประเทศ ทั้งดินแดนไทย ลาว และพม่า พร้อมสายน้ำโขงอย่างชัดเจน และมองเห็นถึง ชุมชนของ 3 อำเภอ เชียงแสน แม่จัน และแม่สาย สามารถชมวิวได้แบบ 360 องศา ในช่วงฤดูหนาวอากาศหนาวเย็น ในยามเช้าสามารถชมทะเลหมอกและ รอชมพระอาทิตย์ขึ้น ยามค่ำคืนชมดาวเต็มท้องฟ้า หากมา เที่ยวในช่วงเดือนพ.ย.-ธ.ค. จะได้เห็นทุ่งดอกเก๊กฮวยแบ่งบานอีกด้วย บนจุดชมวิวเป็นลานโล่งๆ กว้าง ที่โดดเด่นคือ บ้านพักโฮมสเตย์ ที่สร้างเป็นกระท่อมของชนเผ่าอาข่า ซึ่งเป็นชนเผ่าหลักที่อาศัยอยู่บนยอดดอยแห่งนี้ มีชิงช้าและเครื่องเล่นของชนเผ่า อย่าง ม้าโยก รถม้งดอย หากใครไม่ได้พักโฮมสเตย์มีบริการลานกางเต็นท์ของเอกชนอีกหลายจุด และลานชมวิวหลายจุดให้ได้ชมวิวถ่ายภาพได้ที่ โฮมสเตย์บ้านสะโง้ นอกจากนี้ไม่ไกลจากดอยสะโง้ เป็นที่ตั้งของศูนย์พัฒนาโครงการหลวงสะโง๊ะ ซึ่งสามารถเข้าไปเที่ยวชมแปลงสาธิตเกษตร แปลง ดอกเก๊กฮวยที่มีให้ชมในเดือนพ.ย.-ธ.ค ทุ่งดอกคาโมมายด์มีให้ชมในเดือนมกราคม จิบชาเก๊กฮวยและซื้อหา กลับบ้านเป็นของฝาก
*-*-*-*-*-*-*-*-*
สามเหลี่ยมทองคำ
{ห่างจาก สตาร์ดอยคอฟฟี่&โฮมสเตย์ 7 กม.}
สามเหลี่ยมทองคำ ตั้งอยู่ห่างจากเชียงแสนไปทางทิศเหนือ 9 กิโลเมตร ตามถนนเลียบริมแม่น้ำโขง สบรวกเป็นบริเวณที่แม่น้ำโขง ซึ่งกั้นดินแดนระหว่างประเทศไทยและประเทศลาว มาพบกับแม่น้ำรว ซึ่งกั้นดินแดนระหว่าง ประเทศไทยและประเทศพม่า จากจุดนี้ นักท่องเที่ยวจะมองเห็นฝั่งพม่าและลาวได้ถนัดชัดเจน สามเหลี่ยมทองคำ เป็นที่กล่าวขวัญกันในหมู่นักท่องเที่ยว เพราะครั้งหนึ่ง เคยเป็นไร่ฝิ่นที่ใหญ่โตมาก เรียกว่าใหญ่ที่สุดในโลกก็ว่าได้ แต่ปัจจุบันไม่มีไร่ฝิ่นที่ว่านี้อีกแล้ว คงเหลือแต่ทิวทัศน์ที่เงียบสงบ ของลำน้ำและเขตแดนของ 3 ประเทศเท่านั้นแต่ผู้คนก็ยังคงพากัน เดินทางมาสัมผัสกับตำนาน สามเหลี่ยมทองคำ โดยมีที่มาของชื่อ ว่าหลังจากที่พม่าตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษ และลาวถูกฝรั่งเศสยึดครอง ก็เกิดการค้าขายสินค้าด้วยระบบและเปลี่ยนกันขึ้นโดย ทางฝั่งพม่านั้นจะมีผ้าแพร สินค้าจากจีน กระทะทองเหลือ และฝิ่นเป็นสินค้าที่นำมาแลกเปลี่ยนกับผ้าไหม ทองคำแผ่น และทองคำแท่งของ พ่อค้าฝั่งลาว ซึ่งพ่อค้าลาวจำเป็น ต้องล่องเรือตามลำน้ำโขงมาขึ้นที่บ้านป่าสัก เขตเมืองพงของ พม่าซึ่งตั้งอยู่เหนือบ้านสบรวกของไทย ปีหนึ่ง ๆ มีการแลกเปลี่ยนสินค้ากันประมาณ 4-5 ครั้ง ทำให้บ้านป่าสักกลาย เป็นบริเวณขายที่เฟื่องฟูมากของสมัยนั้น และเพราะการ และเปลี่ยนด้วยทองคำนี้เองจึงทำให้ชาวบ้านเรียกขานบริเวณนี้ กันจนติดปากว่า "สามเหลี่ยมทองคำ"
*-*-*-*-*-*-*-*-*
หนองบัวหลวง
{ห่างจาก สตาร์ดอยคอฟฟี่&โฮมสเตย์ 8 กม.}
หนองบัวหลวง เดิมทีเป็นแหล่งน้ำเพือการชลประทาน ที่ใช้ในการเกษตรของชาวบ้าน บนขนาดพื้นที่กว่า 200 ไร่ อยู่ในพื้นที่บ้านสันมะเค็ด ม.9 ตำบลป่าสัก อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ในช่วงฤดูร้อนจะมีการพัฒนาปรับปรุงพื้นที่บริเวณหนองบัวหลวงแห่งนี้ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ด้วยพื้นที่ในด้านทิศตะวันออกที่ถูกโอบรอมด้วยภูเขา จึงเหมาะแก่การล่องแพ ผักผ่อน เล่นน้ำคลายร้อน เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของชาวบ้านในช่วง ฤดูร้อน ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวในช่วงเดือนเมษายนของทุกปี แต่บรรยากาศที่หนองบัวหลวงแห่งนี้ กับคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวที่พากันหลบอากาศร้อนจัดมานั่งแพเล่นน้ำคลายร้อนกันอย่างคึกคัก บนเนื้อที่กว่า 200 ไร่ ปัจจุบันที่หนองบัวหลวงแห่งนี้ องค์การบริหารส่วนตำบลป่าสัก ได้พัฒนาให้มีซุ้มอาหารริมน้ำ 51 ซุ้ม แพบริการในหนองบัวหลวงทั้งหมด 357 แพ ไว้บริการนักท่องเที่ยวนั่งพายออกไปกลางหนองบัวหลวง เพื่อสัมผัสกับน้ำในหนองบัวหลวง ในช่วงอากาศร้อน ผู้คนจะมานั่งอยู่บนแพ บ้างก็นำอาหารมานั่งกินบนแพ เฉลี่ยวันละพันกว่าคน ทำให้เกิดรายได้กับคนในหมู่บ้านสันมะเค็ด และหมู่บ้านข้างเคียง
*-*-*-*-*-*-*-*-*
พิพิธภัณฑ์บ้านฝิ่น
{ห่างจาก สตาร์ดอยคอฟฟี่&โฮมสเตย์ 12 กม.}
พิพิธภัณฑ์บ้านฝิ่น (House of Opium Museum) บ้านฝิ่นเป็นพิพิธภัณฑ์เอกชนเล็ก ๆ แต่วัตถุสิ่งของที่จัดแสดงนั้นน่าสนใจมาก เป็นสถานที่จัดแสดงเครื่องมือและเครื่องใช้ในการสูบฝิ่นของผู้คนในอดีต มีทั้งประวัติของสามเหลี่ยมทองคำ พิพิธภัณฑ์บ้านฝิ่น (House of Opium Museum) บ้านฝิ่นเป็นพิพิธภัณฑ์เอกชนเล็ก ๆ แต่วัตถุสิ่งของที่จัดแสดงนั้นน่าสนใจมาก เป็นสถานที่จัดแสดงเครื่องมือและเครื่องใช้ในการสูบฝิ่นของผู้คนในอดีต มีทั้งประวัติของสามเหลี่ยมทองคำ สถานที่ ปลูกฝิ่นการปลูกและสูบฝิ่น ตลอดจนอุปกรณ์ที่ใช้สูบฝิ่นแสดงให้ชม ส่วนชั้นล่างของบ้านฝิ่นเป็นสถานที่ขายของที่ระลึก ผู้ก่อตั้งคือคุณพัชรี ศรีมัธยกุล ซึ่งเป็นคนเชียงแสนโดยกำเนิด จบการศึกษาจากคณะคุรุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชีวิตเกี่ยวเนื่องกับสามเหลี่ยมทองคำ เริ่มต้นจากการเปิดร้านค้าขายของที่ระลึกและของเก่า ตำแหน่งของร้านอยู่ต่ำลงมาจากที่ตั้งบ้านฝิ่นในปัจจุบัน ในช่วงปี 2533 คุณพัชรีเริ่มที่จะตระหนักว่า ของเก่าที่ขายอยู่ในร้านจะหมดไป จึงเริ่มความคิดที่จะทำพิพิธภัณฑ์ เพื่อเป็นการอนุรักษ์ของเก่าที่ตนขาย โดย คุณรงค์ วงษ์สวรรค์ นักเขียนและศิลปินแห่งชาติ เป็นผู้ตั้งชื่อของพิพิธภัณฑ์ให้
*-*-*-*-*-*-*-*-*
วัดพระธาตุจอมกิตติ
{ห่างจาก สตาร์ดอยคอฟฟี่&โฮมสเตย์ 16 กม.}
วัดพระธาตุจอมกิตติ ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย (อยู่ถนนเลียบแม่น้ำเชียงแสน - เชียงของ) ตามพงศาวดารกล่าวว่า พระเจ้าพังคราช โปรดเกล้าฯ ให้สร้าง เมื่อ พ.ศ. 1483 สมัยเดียวกับการสร้างพระธาตุจอมทอง เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ เป็นเจดีย์ย่อเหลี่ยมไม้สิบสองสมัยเชียงแสน ต่อมาในปี พ.ศ. 2030 หมื่นเชียงสงได้ก่อสร้างเจดีย์องค์ใหม่อยู่อีกองค์หนึ่ง คือ พระธาตุจอมแจ้ง มีบันไดนาค 339 ขั้น เป็นทางเดินขึ้นไปนมัสการหรือจะนำรถขึ้นไปจอดบนพระธาตุได้ สิ่งสำคัญภายในวัด ได้แก่ พระเจดีย์ทรงปราสาทยอดทรงระฆัง หลังคารูปบัวคว่ำ พระเจ้าพังคราชโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.1483 เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ต่อมาเจ้าสุวรรณ คำล้าน เจ้าเมืองเชียงแสน ได้สร้างครอบเจดีย์องค์เดิมไว้ เมื่อปี พ.ศ.2030 ตามรูปแบบสถาปัตยกรรมองค์เจดีย์ในปัจจุบัน
*-*-*-*-*-*-*-*-*
วัดป่าสัก ศิลปกรรมล้านนาในเมืองเชียงแสน
{ห่างจาก สตาร์ดอยคอฟฟี่&โฮมสเตย์ 17 กม.}
วัดป่าสัก อยู่ห่างจากอำเภอเชียงแสนไปทางทิศตะวันตกประมาณ 1 กิโลเมตร ในเขตตำบลเวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย พระเจ้าแสนภู โปรดฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 1930 เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งพระพุทธโฆษาจารย์นำมาถวายและโปรดฯ ให้ปลูกต้นสักล้อมรอบวัด จำนวน 300 ต้น จึงได้ชื่อว่าวัดป่าสัก ทรงตั้งให้พุทธโฆษาจารย์ เป็นสังฆราช สถิต ณ พระอารามนี้ โบราณสถานที่สำคัญที่สุด คือ พระประธานทรงมณฑปยอดระฆัง ฐานกว้าง 8 เมตร สูง 12.5 เมตร ตกแต่งลวดลายปูนปั้นวิจิตรพิศดาร ฝีมือช่างชั้นครู เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุกระดูกตาตุ่มข้างขวาจากเมืองปาฏลีบุตร
*-*-*-*-*-*-*-*-*
วัดพระธาตุผาเงา
{ห่างจาก สตาร์ดอยคอฟฟี่&โฮมสเตย์ 20 กม.}
ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำโขงทางด้านทิศตะวันตก ตรงกันข้ามกับประเทศลาว อยู่ในหมู่บ้านสบคำ ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน อยู่ทางทิศใต้ของตัวอำเภอเชียงแสนประมาณ 3 กม. หรืออยู่ห่างจากสามเหลี่ยมทองคำประมาณ 15 กม. มีพื้นที่ทั้งหมด 743 ไร่ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเนินเขาเล็กๆ ทอดยาวลงมาตั้งแต่บ้านจำปี ผ่านบ้านดอยจันและ มาสิ้นสุดที่บ้านสบคำ แต่ก่อนเขาเรียกดอยลูกนี้ว่า “ดอยคำ” แต่มาภายหลังชาวบ้านเรียกว่า “ดอยจัน” ชื่อของวัดนี้มาจากชื่อของพระธาตุผาเงาที่ตั้งอยู่บนยอดหินก้อนใหญ่ คำว่าผาเงาก็คือ เงาของก้อนผา (ก้อนหิน) หินก้อนนี้มีลักษณะสูงใหญjคล้ายรูปทรงเจดีย์และทำให้ร่มเงาได้ดีมาก ชาวบ้านจึงตั้งชื่อว่า “พระธาตุผาเงา” ความจริงก่อนที่จะย้ายวัดมาที่นี่ เดิมมีชื่อว่า “วัดสบคำ” ซึ่งตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำโขง ฝั่งน้ำได้พังทลายลง ทำให้บริเวณ ของวัดพัดพังลงใต้น้ำโขงเกือบหมดวัด คณะศรัทธาจึงได้ย้ายวัดไปอยู่ที่ใหม่บนเนินเขา ซึ่งไม่ไกลจากวัดเดิม
*-*-*-*-*-*-*-*-*
ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน
{ห่างจาก สตาร์ดอยคอฟฟี่&โฮมสเตย์ 27 กม.}
ถ้ำหลวง ตั้งอยู่ที่บ้านน้ำจำ ตำบลโป่งผา เป็นถ้ำหินปูนกึ่งแห้งขนาดใหญ่ มีความยาวรวมทั้งสิ้น 10,316 เมตร ถือเป็นถ้ำที่มีความยาวมากที่สุดเป็นอันดับ 4 ของประเทศไทยปากถ้ำเป็นโถงกว้างและสูงกว่าโถงถ้ำแรก ภายในถ้ำสามารถพบเกล็ดหินสะท้อนแสง หินงอก หินย้อย ธารน้ำ ถ้ำลอด และถ้ำแขนง แนวโถงถ้ำมีเส้นทางคดเคี้ยว บางช่วงเข้าถึงง่าย บางช่วงมีเพดานต่ำ นอกจากนี้ยังมีหลักฐานที่แสดงถึงวิวัฒนาการของถ้ำจำนวนมาก เช่น รอยการไหลของน้ำเป็นริ้วคลื่น (ripple mark) ระดับพื้นถ้ำเก่า หินถล่มขนาดใหญ่และเล็กจำนวนมาก รอยแตกแบบมีแรงดึง (tension crack) รอยระดับน้ำ หลุมยุบ โพรงเพดานถ้ำ และรอยแตกของผนัง ถือเป็นถ้ำที่มีความเหมาะสมในเชิงการศึกษาวิจัยโดยปกติถ้ำหลวงจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้เฉพาะช่วงหน้าแล้ง (เดือนธันวาคม–มิถุนายน) และปิดในช่วงฤดูฝน (กรกฎาคม-พฤศจิกายน) เนื่องจากมีน้ำไหลผ่านหรือเข้าท่วมพื้นที่บางส่วนของถ้ำ นักท่องเที่ยวสามารถขออนุญาตเจ้าหน้าที่เข้าชมถ้ำได้ด้วยตัวเองหรือติดต่อผ่านทางเจ้าหน้าที่ให้ชาวบ้านในท้องถิ่นเป็นผู้นำเที่ยว ภายในถ้ำไม่มีการติดตั้งไฟส่องสว่าง นักท่องเที่ยวต้องยืมหรือเช่าไฟฉายจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวพันธุ์พืชหลักที่พบในบริเวณถ้ำได้แก่ เสี้ยว ผีเสื้อ แดงดง (Walsura robusta) ค้างคาว (Aglaia edulis) ขี้เหล็กเทศ และหมูป่า (Dom Duangphet) โดยผีเสื้อและแดงดงเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ ส่วนเสี้ยวแพร่พันธุ์เป็นจำนวนมาก ส่วนในถ้ำยังเป็นที่อาศัยของค้างคาว
ขุนน้ำนางนอน ตั้งอยู่ที่บ้านจ้อง ตำบลโป่งผา อยู่ห่างจากถ้ำหลวง (และสำนักงานฯ) ประมาณ 2.5 กิโลเมตร มีลำธารที่ไหลออกมาจากรอยแยกของหินใต้ภูเขาหินปูน ซึ่งได้ทำฝายขนาดเล็กกั้นไว้จนกลายเป็นแอ่งน้ำขนาดพื้นที่ 3 ไร่ เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจ แหล่งศึกษาธรรมชาติ และดูนก
*-*-*-*-*-*-*-*-*